ลุยเดียว!! “พิชิตเขาช้างเผือก” ก็เฟี้ยวอยู่นะแก!

มีสมาชิกเว็ปท่านนึงได้รีวิว การปีนเขาที่ เขาช้างเผือก จังหวัดกาญจนบุรี เอาไว้ น่าสนใจมากค่ะ ภาพสวยอีกต่างหาก ไปชมภาพการรีวิวของเค้ากันเลยคร้า  (jinasjourney)

“ขอเลย เรื่องปีนเขาอย่าเพิ่งไปคนเดียวนะ” พ่อแม่ กล่าวไว้
“ปีนเขาคนเดียว คงแม่_เป็นอะไรที่โคตรเหงา” สหายท่านนึงกล่าวไว้
“แกกกก มันคงฟินมากเลยนะถ้าไปเจอเนื้อคู่บนยอดเขา” เพื่อนสาวนางหนึ่งกล่าวไว้
“เขาช้างเผือก แม่_จองยากเอาอะไร” หลายๆคนกล่าวไว้
“ไม่ได้จองแต่อยากไป เมื่อไหร่จะได้ไปเขาช้างเผือกว้ะเนี่ย” ไม่ได้กล่าวไว้ แค่บ่นในใจ YY

1

ณ เย็นวันนึงที่มือนึงกดมือถือ อีกมือเปิดหนังสือเดินทาง ทำอะไรไม่ได้นอกจากโพสสถานะบ่นพึมพำ  ถึงชะตากรรม ณ ปัจจุบันขณะ ที่ยังไปเที่ยวไหนไม่ได้ เพราะอาทิตย์หน้ามีสอบติดๆกัน 2 วิชา

“เขาช้างเผือก? กิ่วแม่ปาน? ผาหินกูบ? ซูตองเป้? ทิเบต? อินเดีย? เนปาล? ” 3 อย่างหลังคงต้องพักไว้ เพราะไม่งั้นคงโดนเชิญออกจากมหาลัย ณ บัดดล…

แต่ไม่รู้พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกหรืออะไร จู่ๆ พี่เจ้าของโฮสเทลแห่งหนึ่งในสังขละฯ ก็โพสสถานะ “จะพอมั้ยสำหรับเขาช้างเผือก”
พร้อมแนบรูปกล้อง gopro ตัวโปรดให้เราเจ็บใจ

“พี่ ขอไปด้วยยยยยยยยย”
“เห้ย อยู่ไหน จะมาทันหรอ ออกพรุ่งนี้ 7 โมงนะ”
“ทันพี่ ทัน ไปด้วยนะะะะะ”
“ต้องถามเพื่อนก่อนอ่ะว่าที่เต็มยัง ไว้เด๋วทักไปนะ”

2

 

3

แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น…” เห้ยยย คนเต็มแล้วอ่ะ ไว้รอบหน้าละกันนะ ”   แ ล้ ว พี่ แ ก ก็ ว า ง ไ ป เ ล ย -.-   คือออออ อะ ร๊ายยยยยยยยย

แต่ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็ต้องไป อย่างน้อยก็ไปให้ถึงอุทยานล่ะว้ะ ผมนี่รีบเสิร์จหาเบอร์อุทยานเลยฮะ  เกือบ 2 ทุ่มแล้ว แต่ก็เสี่ยงโทรดูฮะ
โทรจนมือหงิก นิ้วล็อค ก็ไม่มีใครรับฮะ = = เสิร์จไปเสิร์จมา เจอชื่อหัวหน้าอุทยานกับเบอร์ติดต่อ  ไม่รู้เบอร์จริง เบอร์ปลอมแต่ก็ลองโทรไป

“ใช่ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิรึป่าวคะ?”( แล้วบทสนทนา งงๆ ก๊งๆ หลงๆ ก็เกิดขึ้น )
แล้วความ งง ทั้งหมด ก็ทำให้ เราได้ขึ้นเขาช้างเผือก!!!!  คุณอาบอกว่า “เห็นว่ากล้าขอเลยกล้าให้ ทำงานมานาน
เพิ่งมีคนโทรมาหา แล้วขอขึ้นเขาคนเดียว”  ยังไงก็แล้วแต่ เรา ได้ ขึ้น เขา แล้ววววว โอ้เย

 

4

รีบยัดเสื้อผ้าที่พอกันหนาวลงเป้ ขึ้นรถตู้อนุสาวรีย์ – กาญจนบุรี  แล้วพอถึงกาญ ก็ต้องนั่งต่อจากกาญ ไปอ.ทองผาภูมิอีกที มาถึงท่ารถในตัวเมืองกาญ สภาพร้างไร้ผู้คน มีแต่พี่ยามนอนกรน ตื่นมาบอกว่า ให้มาขึ้น พน.เช้า คืนนั้น เราต้องเลยหาที่พักในกาญ แบบนอกแผนการเดินทาง  อาจจะเรียกว่า เป็นแค่ที่ซุกหัวนอนก็ได้  เพราะพรุ่งนี้ตี 4 เราต้องรีบตื่นให้ทันรถรอบแรกตอน 6 โมง รถรอบแรกยังไม่มา มีหวังไปไม่ทันปีนแน่ๆ ตอนแรกคิดจะโบกรถไป แต่เอาจริงว่าใจไม่กล้าพอ มีความคิดที่จะเที่ยวแค่ในกาญ โทรไปยกเลิกขึ้นเขา แล้วกลับ กทม. แต่มันมีอะไรบางอย่างที่บอกว่า ยัง ไง ก็ ต้อง ไป ให้ ถึง.

5

เดินเล่น หาอะไรกินตอนเช้าๆ และตัดสินใจว่าจะเอาไงต่อ สุดท้ายก็ไป เลยมานั่งรอรถรอบแรกที่เลทไปกว่าชั่วโมง เพื่อนั่งยาวๆต่อไป ตลาดอำเภอทองผาภูมิ

6

ระหว่างทาง คุณอาหัวหน้าอุทยานก็โทรมาถามตลอดว่าถึงไหนแล้ว พร้อมกับกำชับว่า มาถึงให้รีบนั่งรถเหลืองที่เขียนว่า ‘ทองผาภูมิ – อิต่อง’ เราบอกคุณอาไปว่า ถ้าวันนี้เราไปไม่ทัน ให้ตัดชื่อเราออกได้เลย เราคิดไว้แล้วว่า ถ้าไปไม่ทันก็จะถือว่ารอบนี้คือการเซอเวย์  รอบหน้าเราจะไปปีนจริงๆให้ได้

คนเริ่มทะยอยลงจากรถ มีทั้งคนที่ยาวต่อไปสังขละบุรี แต่เราต้องลงอีกป้ายข้างหน้า เพราะรถเหลืองจะจอดอยู่ตรงข้ามกับ 7/11 ตรงตลาดพอดี เห็นสภาพรถเหลืองก็แอบอมยิ้มไม่ได้ เพราะมันก็คือ 2 แถวที่ชาวบ้านใช้ขนผัก ขนปลา ดีดีนี่เอง แต่รอบนี้พิเศษหน่อยตรงที่ใช้ขนปูน ขนทราย แถมมาด้วย

7

 

 

8

แล้วสุดท้ายวันนี้เราก็ไปไม่ทันขึ้นเขาช้างเผือกจริงๆ อันที่จริง เรารู้ตั้งแต่อยู่บนรถแล้วล่ะ แต่ทำไงได้ จองก็ไม่ได้จอง ถ้ามันจะไม่ใช่ดวงให้ได้ปีน มันก็คงไม่แปลกอะไร เลยได้แต่ทำใจ แล้วก็นั่งฟินกับบรรยากาศข้างๆทางไป

มาถึงตัวอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ  เจ้าหน้าที่ก็จะถามว่าเราชื่ออะไร เพื่อจะเช็คว่าเราได้จองไว้มั้ย แต่เราบอกไปว่า รอบนี้เรามากางเต้นท์อย่างเดียว เพราะมาไม่ทันปีนเขาวันนี้ T T

” อ๋อ ท่านหัวหน้า เปลี่ยนให้เป็นวันพรุ่งนี้แล้วนะคะ ”

ห้ะะะะะะะะะะะะะะะะ อะไร นะคะ ???????????????  ตอนนั้นทั้งตกใจ ทั้งดีใจมากๆจริงๆ

“หัวหน้าบอกให้ คุณไปพักที่บ้านพักรับรอง  เพราะไม่อยากให้นอนเต้นท์คนเดียว เด๋วรอซักครู่นะคะ”

เราเกรงใจจนไม่รู้จะเกรงใจยังไง เลยบอกไปว่า ขอนอนเต้นท์ เพราะอยากซึมซับบรรยากาศ

แต่เรื่องที่ดันโก๊ะยิ่งกว่าการมาปีนเขาไม่ทันก็คือ…เรามีเงินอยู่ทั้งตัว 200 บาท !!! ลืมกดเอทีเอ็มมาจ้าาา และบนอุทยานก็ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดใดทั้งสิ้น ที่ต้องจ่ายคือ ค่ากางเต้นท์ที่อุทยาน + บนเขาช้างเผือก 150 x 2 = 300 บาท !!  เลยบอกพี่เจ้าหน้าที่ตามตรงว่าลืมกดเงินมา และจะโอนมาให้ทีหลัง YY

9

พี่เค้าถามว่า แล้วได้เตรียมของกินมามั้ย เราบอกว่าเตรียมมาแล้ว แต่ที่จริงมันคือ  ข้าวมันไก่ 1 ห่อ snickers แล้วก็เค้กกล้วยหอม

แล้วคืนนี้ พรุ่งนี้เช้า บนเขาช้างเผือก มะรึงจะทานอะไรไม่ทราบขอรับ TT  พูดเลยว่า ยังไม่รู้ว่ะ ค่อยไปรอดเอาดาบหน้าละกัน = =

10

 

 

11

ที่เหลือช่วงบ่ายวันนี้ เราเลยว่าง ว่าง ว่าง และว่า ง ง ง ง จนไม่รู้จะทำอะไร นอกจากนั่งปล่อยอารมณ์ ชมวิวหน้าเต้นท์  ฟังเพลง แล้วก็เขียนไดอารี่  …ยังไม่ขึ้นเขาข้างเผือก วิวยังสวยขนาดนี้ แล้วบนนู้นมันจะอลังการขนาดไหน วู้วววว คิดไม่ออกจริงๆ

12

ออกมานั่งหน้าอุทยาน กะว่าจะโบกรถขึ้นไปหมู่บ้านอิต่อง (คาดไว้ว่า) บนนั้นอาจจะมีตู้เอทีเอ็ม  เพราะนอกจากจะไม่มีเงินจ่ายค่ากางเต้นท์แล้ว ยังไม่มีเงินกินข้าวอีกด้วย (ให้ตายเถอะครับ = =)

รอออออออออ
แต่ไม่มีรถขึ้นไปอิต่องซักคัน อาจเพราะยังสายๆอยู่

 

13

14

แต่จู่ๆก็มีพี่แก๊งเวสป้า กับกระบะอีกคันขับมาจอดหน้าอุทยาน  เราไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรพี่เค้า เพราะเห็นเป็นพี่ผช.ทั้งแก๊ง  แต่อยู่ๆพี่เจ้าหน้าที่อุทยานที่ยืนอยู่ก็ตะโกนบอกไปว่า  “ฝากน้องเค้าไปอิต่องด้วยคนนึง” ผมนี่ทำหน้าไม่ถูกเลยครัช แต่ไม่ไหวมาลีลา เลยขอนั่งท้ายกระบะกับพี่ผู้หญิงไปซึ่งหลังจากนั้น พี่ๆเค้ากลายเป็นเพื่อนใหม่ชุดแรก  ที่ได้มารู้จักกัน ในทริปกากๆของเราครั้งนี้

 

พี่ๆพายาวไปจนถึงวัดตรงเนินเสาธง ยาวไปถึงชายแดนไทย – พม่า ที่มีธงทั้ง 2 ชาติตระหง่านอยู่ ยาวไปถึงทางคดเคี้ยวไปมา แล้วก็ยาวไปถึงมื้อเย็นที่ทำกินด้วยกัน

15

 

 

16

สุดท้ายบนหมู่บ้านอิต่องก็ไม่มีตู้เอทีเอ็มตามที่คาด(หวัง)ไว้ T T แต่เรื่องราวดีดีก็มักเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางเสมอ  เมื่อเรากลับมาถึงที่พัก เตรียมจะกินข้าวกับพี่ๆแก๊งเวสป้า เจ้าหน้าที่อุทยานท่านหนึ่งเดินหาเราทั่วลานกางเต้นท์ แล้วบอกว่า ท่านหัวหน้าให้มารับคุณหนูไปทานข้าว โอ้วไม่ เรารีบบอกพี่เค้าไปว่า ให้เรียกชื่อเราเฉยๆ ก็พอ  สุดท้ายคือ คุณอาให้เราลงบัญชีการซื้อของทั้งหมดเป็นชื่อคุณอา
ทั้งข้าวเย็นวันนี้ ข้าวเช้า /เที่ยง/เย็น ของวันพรุ่งนี้   แล้วก็ขนมกับน้ำ 5 ขวดใหญ่ที่จะเอาไปกินระหว่างทางปีนเขา  ต้องเตรียมน้ำไปเยอะๆ เพราะบนเขาช้างเผือก  ไม่มีทั้งไฟฟ้า หรือแม้แต่น้ำที่จะใช้ทั้งดื่มและทำความสะอาด  ดังนั้น ถ้าไม่จ้างลูกหาบ เราก็ต้องแบกขึ้นไปเองทั้งหมด  แต่ด้วยความใจดีของคุณอา  คุณอาฝากให้พี่เจ้าหน้าที่อุทยานช่วยแบกน้ำไปให้เราด้วย    โอ่ยยยย เราไม่รู้จะเรียกมันว่า “โชค” หรือ อะไรดี…

รีบตื่นแต่เช้า มาเอาข้าวที่คุณป้าเตรียมไว้ให้ แบกเป้ลงไปหาเจ้าหน้าที่อุทยานด้านล่าง เตรียมพร้อมขึ้นเขาช้างเผือก ก่อนขึ้น ได้รู้จักกับพี่น้องพี่เปิ้ล คู่หูคู่ฮาที่ปีนเขามาแล้ว 7 ย่านน้ำ  เรามารอบนี้ไม่จ้างลูกหาบ เพราะไม่มีเงินจ้าง เลยแบกกระเป๋าตัวเองขึ้นไปเอง แต่พี่ๆจ้างลูกหาบ ตอนแรกเราแบกเต้นท์ขึ้นไปด้วย  พี่ๆเห็น บอกว่าให้ไปนอนด้วยกัน แบกไปมีหวังโยนเต้นท์ลงเขากลางคัน  มีเปอร์เซนต์ความเป็นไปได้สูง เราเลยฝากเต้นท์ไว้ที่ร้านก่อนทางเข้าแถวๆนั้น

17

18

เรา พี่น้อง และพี่เปิ้ล เป็น 3 คนที่เดินนำทุกคน ทำให้คนอื่นๆเข้าใจว่า พวกเรามาเป็นแก๊ง แต่อันที่จริง อีนี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเล้ยย ก็เนียนๆไป ฮ่าา  ทางเดินเริ่มจากชันเล็กน้อย ขรุขระปานกลาง ชันมาก ขรุขระมากมาก ถึงมากที่สุด

19

 

ถ้าไม่มีพี่ๆ การปีนเขาของเราครั้งนี้ก็คงเหงาไม่น้อย แต่ได้พวกพี่ๆมาเรียกเสียงฮา สร้างเสียงหัวเราะ ได้รับน้ำใจจากคนที่เดินผ่านไปมา
และที่สำคัญ คำพูดให้กำลังใจจากคนที่ปีนเมื่อวาน และกำลังจะลงจากเขา มันเป็นอะไรที่หาไม่ได้ จากการนั่งเฉยๆ แล้วไม่ออกไปไหนจริงๆ

20

21

 

 

22

การขึ้นเขาช้างเผือกแต่ละรอบ จะจำกัดคนขึ้นได้ครั้งละไม่เกิน 60 – 65 คน  ดังนั้นจึงทำให้มีการจองล่วงหน้าเป็นระยะเวลานานๆ รวมไปถึงการซื้อทัวร์ ในกรณีที่ขี้เกียจที่จะติดต่อ หรือต้องโทรจองเอง ค่าทัวร์ที่เราสอบถามงจากพี่ๆที่เจอกันบนนั้นอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท
รวมค่าอาหาร แต่ไม่แน่ใจว่ารวมค่าลูกหาบรึป่าว

23

 

ใช้เวลาเดินประมาณ 2 – 4 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้นในการขึ้นเขาช้างเผือก  เราไม่รู้ว่าตัวเองไปเอาแรงฮึดมาจากไหนเหมือนกัน เลยทำให้ ครั้งนี้เราใช้เวลาไป 2 ชม ครึ่ง และมาถึงคนแรกในบรรดาคนปีน จะแพ้ก็แต่ พี่ๆลูกหาบ ที่แบกของมหาศาล แต่พลังงานไอรอนแมน = =

25

 

4 โมงเย็นจะเป็นเวลา ให้ขึ้นไปดูวิวโดยรอบ โดยจุดพีคอยู่ที่ สันเขาที่เรียกว่า “สันคมมีด” มันคือที่สุดของที่สุดจริงๆ เราอาจจะเขียนบอกความรู้สึกทั้งหมดไม่ได้ แค่ในพื้นที่ตรงนี้ แต่อยากให้ทุกๆคนที่รักการออกไปเห็นโลก ออกไปทำอะไรใหม่ๆ ออกไปเจอกับผู้คน ได้ลองมาเหยียบที่นี่ซักครั้ง ถึงแม้ว่าบนเขาตอนนั้น เราจะพูดกับตัวเองว่า “ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรก ครั้งเดียว และครั้งสุดท้ายที่จะมาปีน” ก็ตามที 55555

24

 

 

26

รอบนี้เป็นการเขียนรีวิว ที่สั้นที่สุดที่เคยเขียนมาก็ว่าได้ ถึงแม้จะรู้สึกว่า ไม่ค่อยเป็นตัวเองเท่าไหร่ แต่ก็พยายามเขียนให้เข้าใจง่าย และได้ใจความที่สุดแล้ว ณ จุดนี้ YY เพื่อนๆบ่นกันเยอะ ว่าเขียนเยอะไป ขี้เกียจอ่าน  รอบนี้น้อยสุดละนะพวกแกร

แต่ใครว่างๆ ไม่มีอะไรทำ อยากอ่านอะไรยาวๆ  ก็เข้าไปอ่านได้นะฮะ เผื่อฮึดอยากฉายเดี่ยวเหมือนกันบ้าง รับรองจะไม่อยากไปเที่ยวกับใครเลย 5555555 หยอกๆนะ มันก็แล้วแต่สไตล์ ก็เอาที่สบายใจเน่อ

พูดตามตรงว่าไม่ได้อยากให้มีคนรู้จักหรืออะไร  แต่เราอยากเป็นกำลังใจเล็กๆ ให้กับคนที่อยากเดินทาง แต่หลายๆอย่างไม่พร้อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน หรือเวลา สำหรับเรา เราว่า มันก็มีส่วน แต่ถ้าเรามีแรงผลักดันในการที่จะออกเดินทางมากพอ  ทุกคนสามารถหาเวลาให้ตัวเอง หรือพยายามเก็บเงินให้เพียงพอต่อทริปนั้นๆอยู่แล้ว มันอยู่ที่ว่า เรามีความอยาก ความกระหายมากพอรึป่าว

 

ทริปนี้เราหมดไป 410 บาทถ้วน!!!

• รถตู้มธ – อนุ : 30
• อนุ – กาญ (สุดสายที่ขนส่งกาญ) : 110
* ท่ารถมีตรงหน้าร้านก๋วยจั๊บ แถว 7/11 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
• ขนส่งกาญ – ทองผาภูมิ : 110
• ทองผาภูมิ – อิต่อง : 60
( รถสองแถวสีเหลืองบาดใจ)
• ค่าอุทยาน : 130
• ค่าเต้น 2 คืน : ฟรี ( หัวหน้าอุทยานจ่ายให้)
• ค่าข้าว 3 มื้อ 2 วัน : ฟรี ( ได้รับความอนุเคราะห์จากหัวหน้าอุทยาน คุณอาเจริญ )
• ค่ารถจากอุทยาน – มธ : ฟรี
( ติดรถพี่เปา และคุณตุ๊บตั๊บกลับมอ.)

ขอบคุณภาพและข้อมูลการรีวิวจาก: สมาชิกพันทิพย์ jinasjourney , http://pantip.com/topic/33322657